Author Archives: CCK CENTERTECH

ขั้นตอนการผลิต

ขั้นตอนการผลิตและลับคมใบมีด

1. รับแบบและความต้องการจากลูกค้า
สอบถามข้อมูลการใช้งาน และความต้องการในตัวใบมีด

เลือกรูปแบบใบมีด

ใบมีดที่เป็นเหล็กเกรด (High Alloys Steel) ทั้งชิ้น ซึ่งหากแยก ตามลักษณะงานจะแยกได้ 2 ประเภทคือ

– งานตัดเฉือน ที่ใบมีดมีขนาดเล็ก บาง มักจะใช้เป็นเหล็ก SKH2 , SKH51 , SKH55, SUS440C , SUS420J2 เช่น ใบมีดตัดพลาสติก ใบมีดสับอาหาร เป็นต้น

– งานสับ บด ย่อย ที่มีแรงกระแทกมาก ใบมีดมีขนาดใหญ่ หนา มักจะใช้เป็นเหล็ก DC53 , SKD11 , A8 , SCM440 เช่น ใบมีดสับไม้ ใบมีดบดพลาสติก เป็นต้น

 

2. ใบมีดที่ผนึกเหล็ก High Speed เฉพาะส่วนคม เหมาะสำหรับงานที่มีแรงกระแทกไม่สูงมาก และต้องการอายุคมที่ยาวนาน ซึ่งโดยทั่วไปจะนานกว่า SKD11 ประมาณ 50% ขึ้นไป ซึ่งเกรดเหล็ก High Speed ที่ใช้คือ SKH2, SKH9, SKH55 เช่น ใบมีดตัดกระดาษ ใบมีดตัดถุงพลาสติก ใบมีดงานย่อยพลาสติก เป็นต้น

3. ขึ้นรูปด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CNC)

ขึ้นรูปใบมีดด้วยเครื่อง CNC: Machining Center เพื่อความแม่นยำในการผลิต

 

4. การชุบแข็ง (Hardening)

ชุบแข็งใบมีดด้วยเตาชุบสุญญากาศ (Vacuum Furnace) เพื่อให้ได้ความแข็งที่เท่ากันตลอดทั้งใบ

 

5. เจียรผิว (Surface Grinding)

เจียรความหนาให้ได้ขนาด และมีผิวที่เรียบเท่ากันโดยตลอด ด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์

 

6. เจียรคมใบมีด (Sharpening)

เจียรคมใบมีด ให้ได้ผิวที่เรียบ ละเอียด ไม่ไหม้ และมีองศาที่เท่ากันโดยตลอดความยาว ซึ่งต้องอาศัยเครื่องจักรที่มีความเที่ยงตรงสูง

 

7. ตรวจสอบคุณภาพ

ตรวจสอบคุณภาพการผลิตก่อนส่งถึงมือลูกค้า

เครื่องเจียรราบ

เครื่องเจียรราบ : Surface Grinder

 

เครื่องเจียร์ราบ เป็นอีกเครื่องจักรที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ วงการอุตสาหกรรมผลิตและลับคมใบมีด เพราะเครื่องเจียร์นั้นเป็นเครื่องที่ใช้สำหรับลดขนาดงานในกระบวนการผลิตครั้งสุดท้าย

หลังผ่านกระบวนการผลิตเป็นการเก็บผิวชิ้นงานอย่างละเอียด เพื่อควบคุมขนาดของชิ้นงาน ให้แม่นยำถึงระดับ 1-5 ไมครอน

เครื่องเจียรราบแบ่งเป็นเครื่องเจียรด้วยมือแบบธรรมดา แบบอัตโนมัติและแบบCNC โดยการเลือกชนิดเครื่องเจียร์ราบจะต้องดูขนาดและรูปแบบของชิ้นงานหลัก ไสเพื่อขึ้นรูป หรืองานที่ผ่านการปรับปรุงคุณสมบัติด้วยความร้อนโดยการชุบแข็ง เครื่องเจียรราบ แบ่งการทำงานได้ 2 ลักษณะ คือ

 

เครื่องเจียรราบเพลาหมุนล้อหินเจียระไนแนวนอน เหมาะสำหรับปฏิบัติงานเจียระไนชิ้นงานที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม

เครื่องเจียรราบเพลาหมุนล้อหินเจียระไนแนวดิ่ง เหมาะสำหรับปฏิบัติงานเจียระไนพื้นผิวงานในแนวราบ

 

กระบวนการทำงาน

วัตถุดิบจะถูกป้อนจากด้านบนของเครื่องจักร เครื่องจักรจะทำการเจียระไนใบมีดครั้งละ 2-3 ใบ ด้วยความเร็ว 3400 รอบต่อนาที ในขณะเดียวกันระบบน้ำหล่อเย็นจะหมุนวน ซึ่งสามารถปรับองศาของน้ำในระหว่างการเจียระไนได้

คุณสมบัติ

สามารถกำหนดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับจำนวนผลผลิตที่ต้องการ

สามารถกำหนดแบบและตัวเครื่องจักรให้เหมาะสมกับความต้องการอื่นๆ เช่น ความปลอดภัย, หรือ ความเหมาะสมสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ส่วนประกอบหลักของเครื่องเจียระไน

  1. มอเตอร์ (Motor)
  2. ฝาครอบหินเจียระไน (Wheel Guard)
  3. ล้อหินเจียระไน (Grinding Wheel)
  4. แทนรองรับงาน (Tool Rest)
  5. สวิตซ์เครื่อง (Switch)
  6. ภาชนะใส่น้ำระบายความร้อน (Water Pot)
  7. กระจกนิรภัย (Safety Glass)
  8. ฐานเครื่อง (Base)

วัสดุที่ใช้ทำเครื่องมือตัด

คุณสมบัติที่สำคัญ 3 ประการ สำหรับวัสดุทำมีดตัด


1. ความแกร่ง (Toughness) เป็นความสามารถของวัสดุที่จะรับพลังงานโดยไม่เกิดการพังหรือแตกหัก วัสดุที่ใช้ทำมีดตัดควรมีลักษณะผสมระหว่าง ความแข็งแรง(strength) และความเหนียว (ductility)
2. ความแข็งที่อุณหภูมิสูง (hot hardness) เป็นความสามารถของวัสดุที่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้ในอุณหภูมิสูง
3. ความต้านทานการสึกหรอ (wear resistance) เป็นความสามารถของวัสดุในการต้านทานการสึกหรอ ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการต้านทานการสึกหรอ คือ ความแข็ง

กลุ่มวัสดุที่นิยมนำมาใช้ทำเครื่องมือตัด

  1. เหล็กกล้าความเร็วสูง (High speed steel:HSS) เครื่องมือตัดที่เป็น HSS ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวก ดอกสว่าน Drill และดอกกัด endmill โดยเฉพาะดอกสว่านที่มีความยาวมากเป็นหลายเท่าของเส้นผ่านศูนย์กลาง เนื่องจากมีความเหนียวสูงจึงหักยากกว่าวัสดุอื่น
  2. คารไบด์ (carbide) คือ ทังสเตนคาร์ไบด์ (WD) จึงเรียกกันสั้นๆว่า “คาร์ไบด์” ซึ่งครอบครัวคลุมเครื่องมือตัดเกือบทุกประเภท และสามารถตัดชิ้นงานได้เกือบทุกชนิด แต่อายุใช้งานอาจยาวนานไม่เท่ากัน มีคุณสมบัติแข็งและทนความร้อนได้สูงกว่า HSS
  3. เซรามิค (ceramic) มีความแข็งและทนความร้อนและปฏิกิริยาทางเคมีได้สูงมาก แต่ เปราะและไม่ทนต่อการเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลัน
  4. เซอร์เมท (cermet) เป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติผสมระหว่าง คาร์ไบด์ (metal) กับเซรามิค (ceramic) รวมกันเป็นวัสดุชื่อใหม่ว่า สามารถทนอุณหภูมิสูงในระหว่างใช้งานได้ดีกว่าคาร์ไบด์ และมีความเหนียวและทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณภูมิได้ดีกว่าเซรามิค
  5. เพชร(Diamond) เป็นวัสดุที่แข็งที่สุดในโลก แต่ราคาสูง สามารถใช้เป็นเครื่องมือตัดได้ดีกับชิ้นงานบางประเภท โดยเฉพาะพวกอโลหะต่างๆเช่น อลูมิเนียม ไฟเบอร์กลาส เป็นต้น
  6. CBN เป็นการใช้โครงสร้างของเพชรที่แข็งที่สุดในโลกมาเป็นต้นแบบ ทำให้มีความแข็งรองจากพชร

พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำเครื่องมือตัด ช่วยให้สามารถเลือกวัสดุเครื่องมือตัดได้ตรงตามความต้องการ เพราะวัสดุบางประเภทอาจเหมาะกับชิ้นงานบางอย่าง แต่บางชิ้นงานก็มีวัสดุที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือตัดได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่เรากำหนด เช่น ต้องการความเรียบผิวชิ้นงานต้นทุนการตัด อายุใช้งานนาน เป็นต้น